กรมแพทย์แผนไทยชี้แจงการปรับเปลี่ยนยาแผนปัจจุบันเป็นยาสมุนไพร: นโยบายส่งเสริมการใช้สมุนไพรไทยในระบบสาธารณสุข

ข่าวด่วนวันนี้ (ข่าวทั่วไทย)

กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกได้ออกมาชี้แจงกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการนำยาแผนปัจจุบันออกจากระบบโรงพยาบาลและเปลี่ยนเป็นยาสมุนไพรแทน โดย นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้ให้รายละเอียดถึงนโยบายดังกล่าวว่าเป็นการดำเนินการตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่ต้องการส่งเสริมการใช้ยาสมุนไพรในระบบสาธารณสุขของประเทศไทย

ทั้งนี้ นพ.สมฤกษ์ได้อธิบายว่า การนำยาเข้ามาใช้ในโรงพยาบาลนั้นจะต้องเป็นยาที่ได้รับการขึ้นทะเบียนในบัญชียาหลักแห่งชาติเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันมีทั้งยาแผนไทยและยาแผนปัจจุบันรวมกันประมาณ 400-500 รายการ จากยาที่มีอยู่ในท้องตลาดกว่าหมื่นรายการ การคัดเลือกยาเข้าบัญชียาหลักแห่งชาตินี้เป็นไปเพื่อควบคุมให้การจ่ายยามีความสมเหตุสมผล โดยแพทย์สามารถสั่งจ่ายยาสมุนไพรที่ขึ้นทะเบียนในบัญชียาหลักได้เช่นเดียวกับยาแผนปัจจุบัน

สำหรับนโยบายการส่งเสริมการใช้ยาสมุนไพรนั้น ทางกระทรวงสาธารณสุขได้มีการสนับสนุนให้มีการจ่ายยาสมุนไพรใน 10 กลุ่มอาการที่สามารถใช้ทดแทนยาแผนปัจจุบันได้ โดยเป็นกลุ่มโรคที่มีการศึกษาวิจัยแล้วว่ายาสมุนไพรสามารถรักษาได้ผล เพื่อป้องกันการจ่ายยาซ้ำซ้อน จึงได้มีการตั้งคณะกรรมการศึกษาการใช้ยาสมุนไพรขึ้น โดยมีสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ร่วมกับโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

จากการพิจารณาของคณะกรรมการดังกล่าว มีความเห็นร่วมกันว่าสามารถนำยาแผนปัจจุบัน 5 รายการออกจากระบบการสั่งจ่ายยาในโรงพยาบาลได้ และให้สั่งจ่ายด้วยยาสมุนไพรแผนโบราณแทน อย่างไรก็ตาม อธิบดีกรมแพทย์แผนไทยฯ ยืนยันว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นเพียงการพิจารณาจากกรมแพทย์แผนไทยฯ แต่ไม่สามารถบังคับให้โรงพยาบาลนำรายการยาดังกล่าวออกได้ เนื่องจากเป็นอำนาจของผู้อำนวยการโรงพยาบาลในการพิจารณา

ยาแผนปัจจุบัน 5 รายการที่สามารถตัดออกและใช้ยาสมุนไพรทดแทนได้ ประกอบด้วย:

  1. อาการปวดเมื่อย ให้ใช้ครีมไพลแทนยาแผนปัจจุบัน Analgesic balm
  2. อาการไอ ให้ใช้ประสานมะแว้งแทนยาแผนปัจจุบัน M Tussis ชนิดน้ำ
  3. อาการท้องอืด ให้ใช้ขมิ้นชันแทนยาแผนปัจจุบัน M Carminative
  4. อาการท้องผูก ให้ใช้มะขามแขกแทนยาแผนปัจจุบัน Bisacodyl
  5. อาการริดสีดวง ให้ใช้เพชรสังฆาตแทนยาแผนปัจจุบัน Draflon

นพ.สมฤกษ์ ย้ำว่าถึงแม้จะมีการตัดยาแผนปัจจุบันดังกล่าวออกไป แต่ในระบบยาโรงพยาบาลยังคงมียาแผนปัจจุบันอื่นๆ ที่สามารถใช้รักษาอาการในกลุ่มโรคเดียวกันได้ จึงไม่ได้หมายความว่าแพทย์จะถูกบังคับให้ใช้เฉพาะยาสมุนไพรเท่านั้น ดังนั้น กรณีที่มีการระบุว่าแพทย์ไม่สามารถจ่ายยาแผนปัจจุบันได้นั้น เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนและอาจเกิดจากความไม่มั่นใจในการใช้ยาสมุนไพร

ในส่วนของการสร้างแรงจูงใจให้โรงพยาบาลดำเนินการตามนโยบายนี้ ทางกระทรวงสาธารณสุขได้จัดสรรงบประมาณ 60 ล้านบาทเพื่อเป็นรางวัลให้กับโรงพยาบาลที่มีการจ่ายยาสมุนไพรสูงสุด โดยมีเกณฑ์การจ่ายเงินรางวัลดังนี้:

  • โรงพยาบาลที่นำรายการยาแผนปัจจุบันออกได้ 3 จาก 5 รายการ จะได้รับเงินรางวัล 50,000 บาท
  • โรงพยาบาลที่นำรายการยาแผนปัจจุบันออกได้ 4 รายการ จะได้รับเงินรางวัล 100,000 บาท
  • โรงพยาบาลที่นำรายการยาแผนปัจจุบันออกได้ครบทั้ง 5 รายการ จะได้รับเงินรางวัล 200,000 บาท

อย่างไรก็ตาม นพ.สมฤกษ์ชี้แจงว่างบประมาณ 60 ล้านบาทที่ตั้งไว้นั้น เมื่อนำมาหารกับจำนวนโรงพยาบาลทั่วประเทศกว่า 700 แห่ง จะเห็นได้ว่าเป็นเงินที่ไม่ได้สูงมากนัก และเป็นการให้ครั้งเดียวเท่านั้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับบุคลากรและโรงพยาบาลที่ตอบรับนโยบายการส่งเสริมการใช้ยาสมุนไพร

ทั้งนี้ กรมการแพทย์แผนไทยฯ ได้มีการจัดระบบคอมพิวเตอร์สำหรับการจ่ายยาสมุนไพร โดยเมื่อแพทย์คีย์อาการของโรคเข้าไป ระบบจะแสดงชื่อยาสมุนไพร วิธีการสั่งจ่ายยา และรายละเอียดต่างๆ ให้ทราบโดยละเอียด ซึ่งจะช่วยให้แพทย์มีความมั่นใจในการใช้ยาสมุนไพรมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มโรคเจ็บป่วยเล็กน้อยที่ได้มีการศึกษาข้อมูลแล้วว่าสามารถใช้สมุนไพรในการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ